หนังสือพ่อรวยสอนลูก
วันนี้เอาหนังสือเล่มหนึ่งมาฝากกันครับ
สรุปเนื้อหา พ่อรวยสอนลูก - RichDad PoorDad - โรเบิร์ต คิโยซากิ - Robert T. Kiyosaki
พ่อแท้ๆ ของผู้เขียน มีตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมการศึกษาของรัฐฮาวาย ในหนังสือผู้เขียนเรียกว่า Poor Dad
ผู้เขียนมีเพื่อนที่สนิทมากตั้งแต่เด็กๆ ชื่อ ไมค์ และพ่อของไมค์เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในกิจการหลายๆ อย่าง จนมีอาณาจักรที่ใหญ่โต ในหนังสือผู้เขียนเรียกว่า Rich Dad
พ่อทั้งสองของผู้เขียนต่างก็เป็นคนดี มีผู้เคารพนับถือมาก แต่มีคำสอนเรื่องการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันสุดขั้ว ผู้เขียนได้รับฟังคำสอนที่แตกต่างกันทั้ง 2 ด้านตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ทำให้ผู้เขียนต้องรู้จักวิเคราะห์พิจารณาในคำสอนตั้งแต่เด็ก
ผู้เขียนได้รู้จักกับพ่อของไมค์ และขอร้องให้สอนวิธีหาเงิน
“ ถ้าเธออยากทำงานเพื่อเงิน เธอไปเรียนเอาที่โรงเรียน แต่ถ้าอยากเรียนวิธีใช้เงินทำงานให้เรา ฉันจะสอน “
“ การเรียนรู้วิธีใช้เงินทำงาน เป็นวิชาที่ต้องเรียนกันชั่วชีวิต “
“ การขาดเงินนั้น แย่พอๆ กับการผูกติดกับเงินนั่นแหละ “
“ อย่าให้อารมณ์เป็นตัวกำหนดการกระทำ รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องใช้สมองกำหนดการกระทำ “
ตัวอย่างการพูดจากอารมณ์
“ ต้องหางานทำให้ได้ ”
“ ฉันจะสอนให้เธอเป็นนาย ไม่ใช่เป็นทาสของเงิน ”
“ ที่สุดแล้วเราทุกคนเป็นลูกจ้าง แต่ในระดับที่แตกต่างกัน “
“ ฉันอยากให้เธอหลีกเลี่ยงกับดัก ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยความกลัวและความโลภ “
“ ถ้าเราควบคุมความต้องการได้ เราจะมีเวลาคิดไตร่ตรองมากขึ้น “
“ หลายคนตั้งตารอวันเงินเดือนออก รอวันเงินเดือนขึ้น เพราะความกลัวและความต้องการ “
“ เราควรมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง ความฝันและความสุข ไม่ใช่นอนก่ายหน้าผากกังวลว่าจะมีเงินให้ใช้ครบเดือนหรือไม่ “
“ ความเขลาไม่ใส่ใจเรื่องเงิน ทำให้เกิดความกลัวและความโลภ “
“ จำไว้ว่าการได้งานทำคือการแก้ปัญหาระยะสั้น ทุกคนคิดแค่วันเงินเดือนออก ปล่อยให้เงินมีอำนาจเหนือชีวิตพวกเขาจึงมีลักษณะคล้ายกันคือตื่นแต่เช้าไปทำงาน ไม่เคยหยุดคิดเลยว่า ‘มีวิธีอื่นที่ดีกว่ามั้ย’
ความคิดที่มาจากอารมณ์ที่ได้ยินบ่อยๆ
“ ทุกคนต้องทำงาน “
“ คนรวยขี้โกง “
“ ผมควรจะได้ขึ้นเงินเดือนมิฉะนั้นจะลาออก “
“ ฉันชอบงานนี้เพราะมั่นคง “
ความคิดที่ใช้สมอง
“ ฉันมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า “
ตอนที่สาม บทเรียนที่สอง: ทำไมต้องรู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
“ การมีเงินมากๆ นั้น ไม่สำคัญเท่ากับการรู้จักวิธีรักษาเงินให้อยู่กับเราตลอดไป “
“ พ่อจนจะเน้นให้อ่านมากๆ พ่อรวยจะบอกให้เรียนเรื่องเงิน “
กฏข้อที่-1 ต้องรู้ว่าอะไรคือทรัพย์สิน อะไรคือหนี้สิน
“ คนรวยเพิ่มทรัพย์สิน คนชั้นกลางเพิ่มหนี้สินโดยเข้าใจว่าเป็นทรัพย์สิน “
“ ถ้าอยากรวย ต้องอ่านให้เข้าใจตัวเลขและคำอธิบายเบื้องหลังนั้น “
“ ทรัพย์สินคือเงินใส่กระเป๋า หนี้สินคือเงินออกจากกระเป๋า “
หวังว่า Blog นี้จะเป็นข้อมูลในการทำธุรกิจของท่านครับ.................... แบ่งปันประสบการณ์ ในการทำงาน เเละสิ่งดีดีได้เลยครับ เเล้ว อย่าลืมแสดงความคิดเห็นให้กันบ้างนะครับ
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ล้มเหลว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ล้มเหลว แสดงบทความทั้งหมด
วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
33สาเหตุที่ทำให้นักธุรกิจเครือข่ายล้มเหลว
สาเหตุที่ทำให้นักธุรกิจเครือข่ายล้มเหลว
หลายๆครั้งเราเองมักมองข้างสิ่งต่างๆที่สำคัญไปชึ่งบางทีมันอาจเป็นสาเหตุในการที่เราจะสามารถล้มเหลวในการทำธุรกิเครื่อข่ายmlmได้เลยทีเดียวนะครับ
1. ไม่มีการเขียนเป้าหมาย (แรงกระตุ้นการทำงานของตัวเอง)
2.ไม่รู้ว่า ทำไมตัวเอง ถึงมาทำธุรกิจนี้
3. ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
4. สนใจแต่ผลกำไรส่วนตัว ไม่ได้ห่วงใยในความต้องการของลูกค้าและทีมงานคนอื่น
5 ไม่มีเครื่องมือในการดำเนินธุรกิจเพื่อนำเสนอ และให้ข้อมูลลูกค้า, สมาชิก
6. ไม่มีการโทรศัพท์กลับอย่างทันทีทันใด เมื่อพลาดการติดต่อ
7. ไม่มีการชี้แนะวิธีการทำงานให้ทีมงาน หรือมีแต่ไม่น่าสนใจ
8. ล้มเหลวในการนัดหมาย โดยไม่มีคำอธิบายที่ดีพอ
9. ไม่มีการติดตามผลผู้มุ่งหวังและลูกค้าไม่ได้แสดงความห่วงใยที่เรามีให้เขาเห็น
10. ยอมแพ้ หรือล้มเลิกเร็วเกินไป โดยปกติคนเรามักจะเลิกภายใน 90 วันแรก แทนที่จะเป็น 1 ปี
11. ท้อใจ ด้วยปัญหาและความไม่สะดวกสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ กำลังใจค่อยหมดลง
12. พูดถึงบริษัทอื่นในทางที่ไม่ดี อยู่ตลอด จนไม่มีใครอยากเข้าใกล้เพราะกลัวเสียหาย
13. ไม่รู้จริงเรื่องการตลาดเครือข่าย และไม่เอาจริงกับมัน
14. การไม่เคารพนับถือในตัวเอง ชีวิตรอบตัวมีแต่เรื่องยุ่งเหยิง สกปรก ไม่ดูแลตัวเอง
15. ขี้เกียจทำงาน รอเก็บเกี่ยวผลงานจากความพยายามของลูกทีม อย่างเดียว
16. ไม่เป็นมืออาชีพ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และแผนการตลาด
17. ไม่ได้สร้างฐานลูกค้าไว้ ทั้งที่สินค้าของบริษัทสามารถนำมาขายปลีกได้
18. ไม่สามารถนำเสนอประโยชน์ ผลดีของการใช้สินค้าได้อย่างชัดเจน เหมาะสมกับผู้ฟัง
19. ไม่มีการยกย่องความสำเร็จของลูกทีม เป็นประเภทใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง
20. ไม่มีการดำเนินงานทางธุรกิจทุกวัน
21. เอาตัวเองไปอยู่ใกล้ ๆ คนที่พูดแง่ลบเป็นประจำ แทนที่จะอยู่ใกล้ๆ คนที่มีรายได้สูง และทัศนคติบวก
22. มีความอดทนน้อยเกินไปในเวลาสั้นๆ โดยไม่ได้ ให้ความพยายามอย่างมากเพียงพอ
23. เป็นพวกขอปฏิเสธไว้ก่อน ชอบพูดว่า “ไม่ .. แต่ยังไม่ทำตอนนี้”
24. ไม่รู้จักใช้โอกาสจากบริษัท ให้เป็นประโยชน์ ไม่มีความยืดหยุ่นทางความคิด
25. ไม่ได้เชื่อถือสินค้า หรือไม่เป็นผลิตผลของผลิตภัณฑ์ ใช้เพียงเพื่อให้ได้เงินเท่านั้น
26. จิตใจอ่อนไหวได้รับอิทธิพล หรือถูกชักจูง ได้ง่าย ไม่สามารถคิดได้ด้วยตัวเอง
27. ใช้เวลามากเกินไป ในการพิจารณาจัดองค์กร แทนที่จะใช้ในการนัดพบผู้มุ่งหวัง และลูกค้า
28. ไม่ได้มีการวางแผนเพื่อความสำเร็จ
29. ไม่พัฒนาตนเองให้เป็นมืออาชีพในการทำงาน
30. คิดว่ารู้แล้วทุกเรื่อง จึงไม่ยอมรับการเรียนรู้ ใหม่ ๆ
31. ไม่ได้พยายามอย่างหนักเพื่อจะทำให้ดียอดเยี่ยมที่สุด
32. เชื่อข่าวลือ โดยไม่ได้ตรวจสอบความจริง ถูกหลอกง่าย
33. สำคัญมาก ไม่ได้เชื่อจริง ๆ ว่า มันเกิดขึ้นได้ เมื่อฉันลงมือทำ
http://aimstarmatching.blogspot.com/2010/07/33.html
หลายๆครั้งเราเองมักมองข้างสิ่งต่างๆที่สำคัญไปชึ่งบางทีมันอาจเป็นสาเหตุในการที่เราจะสามารถล้มเหลวในการทำธุรกิเครื่อข่ายmlmได้เลยทีเดียวนะครับ
1. ไม่มีการเขียนเป้าหมาย (แรงกระตุ้นการทำงานของตัวเอง)
2.ไม่รู้ว่า ทำไมตัวเอง ถึงมาทำธุรกิจนี้
3. ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการทำธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
4. สนใจแต่ผลกำไรส่วนตัว ไม่ได้ห่วงใยในความต้องการของลูกค้าและทีมงานคนอื่น
5 ไม่มีเครื่องมือในการดำเนินธุรกิจเพื่อนำเสนอ และให้ข้อมูลลูกค้า, สมาชิก
6. ไม่มีการโทรศัพท์กลับอย่างทันทีทันใด เมื่อพลาดการติดต่อ
7. ไม่มีการชี้แนะวิธีการทำงานให้ทีมงาน หรือมีแต่ไม่น่าสนใจ
8. ล้มเหลวในการนัดหมาย โดยไม่มีคำอธิบายที่ดีพอ
9. ไม่มีการติดตามผลผู้มุ่งหวังและลูกค้าไม่ได้แสดงความห่วงใยที่เรามีให้เขาเห็น
10. ยอมแพ้ หรือล้มเลิกเร็วเกินไป โดยปกติคนเรามักจะเลิกภายใน 90 วันแรก แทนที่จะเป็น 1 ปี
11. ท้อใจ ด้วยปัญหาและความไม่สะดวกสบายเล็ก ๆ น้อย ๆ กำลังใจค่อยหมดลง
12. พูดถึงบริษัทอื่นในทางที่ไม่ดี อยู่ตลอด จนไม่มีใครอยากเข้าใกล้เพราะกลัวเสียหาย
13. ไม่รู้จริงเรื่องการตลาดเครือข่าย และไม่เอาจริงกับมัน
14. การไม่เคารพนับถือในตัวเอง ชีวิตรอบตัวมีแต่เรื่องยุ่งเหยิง สกปรก ไม่ดูแลตัวเอง
15. ขี้เกียจทำงาน รอเก็บเกี่ยวผลงานจากความพยายามของลูกทีม อย่างเดียว
16. ไม่เป็นมืออาชีพ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และแผนการตลาด
17. ไม่ได้สร้างฐานลูกค้าไว้ ทั้งที่สินค้าของบริษัทสามารถนำมาขายปลีกได้
18. ไม่สามารถนำเสนอประโยชน์ ผลดีของการใช้สินค้าได้อย่างชัดเจน เหมาะสมกับผู้ฟัง
19. ไม่มีการยกย่องความสำเร็จของลูกทีม เป็นประเภทใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง
20. ไม่มีการดำเนินงานทางธุรกิจทุกวัน
21. เอาตัวเองไปอยู่ใกล้ ๆ คนที่พูดแง่ลบเป็นประจำ แทนที่จะอยู่ใกล้ๆ คนที่มีรายได้สูง และทัศนคติบวก
22. มีความอดทนน้อยเกินไปในเวลาสั้นๆ โดยไม่ได้ ให้ความพยายามอย่างมากเพียงพอ
23. เป็นพวกขอปฏิเสธไว้ก่อน ชอบพูดว่า “ไม่ .. แต่ยังไม่ทำตอนนี้”
24. ไม่รู้จักใช้โอกาสจากบริษัท ให้เป็นประโยชน์ ไม่มีความยืดหยุ่นทางความคิด
25. ไม่ได้เชื่อถือสินค้า หรือไม่เป็นผลิตผลของผลิตภัณฑ์ ใช้เพียงเพื่อให้ได้เงินเท่านั้น
26. จิตใจอ่อนไหวได้รับอิทธิพล หรือถูกชักจูง ได้ง่าย ไม่สามารถคิดได้ด้วยตัวเอง
27. ใช้เวลามากเกินไป ในการพิจารณาจัดองค์กร แทนที่จะใช้ในการนัดพบผู้มุ่งหวัง และลูกค้า
28. ไม่ได้มีการวางแผนเพื่อความสำเร็จ
29. ไม่พัฒนาตนเองให้เป็นมืออาชีพในการทำงาน
30. คิดว่ารู้แล้วทุกเรื่อง จึงไม่ยอมรับการเรียนรู้ ใหม่ ๆ
31. ไม่ได้พยายามอย่างหนักเพื่อจะทำให้ดียอดเยี่ยมที่สุด
32. เชื่อข่าวลือ โดยไม่ได้ตรวจสอบความจริง ถูกหลอกง่าย
33. สำคัญมาก ไม่ได้เชื่อจริง ๆ ว่า มันเกิดขึ้นได้ เมื่อฉันลงมือทำ
http://aimstarmatching.blogspot.com/2010/07/33.html
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)